ภาพเปรียบเทียบร้อยแก้วและร้อยกรองเพื่อการแต่งกลอนให้สละสลวยด้วยคำไวพจน์
แต่งกลอนให้สละสลวยด้วยคลังคำไวพจน์ฉบับสมบูรณ์ 50 คำ

ภาษาไทยของเรานั้นมีความงดงามและซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงวรรณศิลป์ การแต่งบทกวีหรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ "กลอน" ถือเป็นยอดปรารถนาของนักเรียนหลาย ๆ คนที่ต้องการถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกออกมาเป็นถ้อยคำที่ไพเราะจับใจ วรรณคดีไทยที่สืบทอดกันมาล้วนเต็มไปด้วยบทประพันธ์อันทรงคุณค่าที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของกวีในอดีต วันนี้ ผมจะพานักเรียนทุกคนไปเจาะลึกเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การแต่งกลอนนั้น "สละสลวย" ยิ่งขึ้น นั่นก็คือ คำไวพจน์ พร้อมทั้งทำความเข้าใจพื้นฐานของการประพันธ์ในภาษาไทยให้ถ่องแท้มากยิ่งขึ้นครับ

 

ร้อยแก้ว กับ ร้อยกรอง: ทำความเข้าใจให้ชัดเจน

ก่อนจะเข้าสู่โลกของบทกลอน เราต้องเข้าใจรูปแบบการเขียนในภาษาไทยเสียก่อน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ

  • ร้อยแก้ว (Prose): คือ การเขียนเรียงความไปตามปกติ ไม่มีการบังคับฉันทลักษณ์หรือสัมผัสคล้องจอง เป็นภาษาที่มุ่งเน้นความชัดเจนในการสื่อสารข้อเท็จจริง เรื่องราว หรือความคิดเห็น พบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น บทความในหนังสือพิมพ์, เนื้อหาในตำราเรียน, นิทาน, เรื่องสั้น หรือนวนิยาย
  • ร้อยกรอง (Verse): คือ ถ้อยคำที่นำมาร้อยเรียงกันอย่างมีแบบแผนอันงดงาม มีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่เรียกว่า "ฉันทลักษณ์" ซึ่งบังคับทั้งจำนวนคำ, การสัมผัส, เสียงวรรณยุกต์ และอาจรวมถึงการใช้คำครุ-ลหุ (เสียงหนัก-เบา) ด้วย การประพันธ์ประเภทร้อยกรองมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไพเราะ งดงาม เกิดจังหวะที่น่าฟังและจดจำง่าย ตัวอย่างของร้อยกรอง ได้แก่ กลอน (เช่น กลอนสุภาพ, กลอนสักวา), โคลง (เช่น โคลงสี่สุภาพ), ฉันท์, กาพย์ (เช่น กาพย์ยานี 11, กาพย์ฉบัง 16) และร่าย

การแต่งกลอนที่เรากำลังจะศึกษากันนี้ จัดอยู่ในประเภทร้อยกรอง ซึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้ร้อยกรองมีความพิเศษและแตกต่างจากร้อยแก้วก็คือการเลือกสรรถ้อยคำมาใช้อย่างประณีตนั่นเอง

คำไวพจน์คืออะไร และสำคัญต่อการแต่งกลอนอย่างไร

คำไวพจน์ (อ่านว่า ไว-พด) คือ คำที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน แต่มีรูปเขียนและเสียงอ่านต่างกันไป หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า "คำพ้องความหมาย" เช่น คำว่า "ดวงจันทร์" อาจใช้คำว่า "แข" "ศศิธร" "รัชนีกร" หรือ "บุหลัน" แทนได้

ความสำคัญของคำไวพจน์ในการแต่งกลอนนั้นมีมหาศาล เพราะเป็นเครื่องมือชั้นดีของกวีที่ช่วยให้:

  1. หลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำซาก: การใช้คำเดิม ๆ ในบทกลอนจะทำให้ขาดอรรถรสและไม่สละสลวย คำไวพจน์จึงเป็นตัวช่วยให้เรามีคลังคำศัพท์ที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความรู้สึกที่ต้องการสื่อ
  2. สร้างสัมผัสคล้องจองที่สมบูรณ์: ในการแต่งกลอน เราต้องหาคำมาสัมผัสกันตามข้อบังคับของฉันทลักษณ์ การรู้จักคำไวพจน์มาก ๆ จะทำให้เราหาคำมาลงตำแหน่งสัมผัสได้ง่ายขึ้นโดยที่ความหมายยังคงสอดคล้องกับเนื้อหาหลัก
  3. เพิ่มความสละสลวยและชั้นเชิงทางวรรณศิลป์: คำไวพจน์หลายคำเป็นคำที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต หรือเป็นคำไทยโบราณที่มีความงดงามทางภาษา การเลือกใช้คำเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยยกระดับให้บทกลอนของเรามีความไพเราะ มีพลัง และน่าประทับใจยิ่งขึ้น

วิเคราะห์ตัวอย่างการใช้คำไวพจน์จากบทกวีชั้นครู

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เรามาดูตัวอย่างบทกวีจากวรรณคดีและบทอาขยานที่นักเรียนคุ้นเคยกันดี พร้อมทั้งวิเคราะห์การใช้คำศัพท์ไปพร้อม ๆ กันครับ

ตัวอย่างที่ 1: กาพย์ยานี 11 จากบทอาขยาน "วิชาเหมือนสินค้า"

วิชาเหมือนสินค้า
อันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไป
จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า
เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา
แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ

วิเคราะห์: บทอาขยานนี้เปรียบเทียบการหาความรู้กับการเดินทางค้าขายทางเรือ จะเห็นการเลือกใช้คำที่งดงาม เช่น "กาย" ซึ่งเป็นคำธรรมดา แต่เมื่อประกอบกับคำว่า "โสภา" (คำไวพจน์ของคำว่า สวย, งาม) ที่ใช้ขยายคำว่า "สำเภา" ก็ทำให้เกิดภาพเรือที่งดงามขึ้นมาในความคิดทันที แสดงให้เห็นว่า แม้คำธรรมดาก็สามารถนำมาใช้ร่วมกับคำไวพจน์เพื่อสร้างความสละสลวยได้

ตัวอย่างที่ 2: กลอนแปด จากเรื่อง พระอภัยมณี

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

– พระฤๅษีสอนสุดสาคร, สุนทรภู่

วิเคราะห์: บทกลอนนี้เป็นตัวอย่างชั้นครูของการใช้คำง่าย ๆ แต่สื่อความหมายได้ลึกซึ้งกินใจและเป็นที่จดจำ มีการใช้สัมผัสในที่ไพเราะ เช่น สัมผัสอักษร "เลี้ยวลด" และสัมผัสสระ "สุด" กับ "มนุษย์" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหัวใจของกลอนที่ดีไม่ได้อยู่ที่การใช้คำยากเสมอไป แต่อยู่ที่ความคมคายในการสื่อความหมาย

ตัวอย่างที่ 3: กลอนแปด จากนิราศภูเขาทอง

ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด
คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
โอ้ผ่านเกล้าผ่านกระหม่อมจอมราญรอน
ใจจะขาดรอน ๆ อยู่รอนรอน

– นิราศภูเขาทอง, สุนทรภู่

วิเคราะห์: ในที่นี้ สุนทรภู่รำพันถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) โดยใช้คำไวพจน์ของ "พระมหากษัตริย์" ถึงสองคำคือ "บพิตร" และ "จอมราญรอน" (หมายถึงผู้เป็นใหญ่ในการรบ) การเลือกใช้คำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ถูกต้องตามความหมาย แต่ยังแสดงความเทิดทูนและให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ ซึ่งการใช้คำธรรมดาว่า "กษัตริย์" อาจให้ความรู้สึกที่ทรงพลังได้ไม่เท่า

คลังคำไวพจน์ฉบับสมบูรณ์ 50 หมวดคำ

ต่อไปนี้คือรายการคำไวพจน์ 50 หมวด ที่ผมได้รวบรวมไว้ให้นักเรียนสามารถจดจำและนำไปปรับใช้ในการแต่งกลอนได้อย่างหลากหลาย ผมได้จัดหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและนำไปใช้ครับ

หมวดธรรมชาติและจักรวาล

no.ความหมายหลักคำไวพจน์ (Synonyms)
1พระอาทิตย์ทินกร, ทิวากร, สุริยา, สุริยัน, รวิ, ประภากร, ไถง, อาภากร, อังศุมาลี
2พระจันทร์แข, ศศิ, บุหลัน, นิศากร, รัชนีกร, โสม, ศศิธร, เดือน, วิธู
3ท้องฟ้านภา, อัมพร, เวหา, คัคนานต์, ทิฆัมพร, โพยม, นภดล, คคนางค์
4ดาวดารา, ดาริกา, ตาระกา, ดารากร, ผกาย
5ป่าไพร, พง, พนา, ดง, อรัญ, พนาดร, เถื่อน, ไพรสัณฑ์, พงพี, ชัฏ
6ภูเขาคีรี, สิงขร, บรรพต, ไศล, ศิขรินทร์, ภูผา, พนม, ภู, คีรีขันธ์
7แผ่นดินธรณี, ปฐพี, ภูวดล, หล้า, พสุธา, เมทินี, ภูมิ, พสุธาดล
8น้ำชล, วารี, คงคา, นที, ธารา, อุทก, ชลาลัย, สินธุ์, สาคร, ชลธาร
9ลมวาโย, วายุ, พระพาย, มารุต, สมีรา
10ไฟอัคคี, เพลิง, กาฬ, เตโช, อัคนี, ปราพก
11ดอกไม้บุปผา, ผกา, มาลี, บุษบา, โกสุม, สุมาลี, พเยีย, บุปผชาติ, ผกาวลี
12ต้นไม้พฤกษา, รุกข์, ตรุ, เฌอ, รุกขชาติ
13แม่น้ำนที, สินธุ์, สาคร, คงคา, ชลธี
14ฝนวรรษา, พิรุณ, วัสสะ, เมหะ

หมวดบุคคลและกลุ่มคน

no.ความหมายหลักคำไวพจน์ (Synonyms)
15ผู้หญิงสตรี, นารี, กัลยา, กานดา, อนงค์, ยุพา, วนิดา, พธู, สมร, บังอร, เยาวมาลย์
16พระราชา/กษัตริย์ภูบดินทร์, นฤบดี, จอมราช, ภูวไนย, กษัตรา, บพิตร, ภูธร, นฤเบศร์, ราชา
17พ่อบิดา, ชนก, บิตุรงค์, บิดร
18แม่มารดา, ชนนี, มาตุ, มาตา
19เพื่อนสหาย, มิตร, เกลอ, เสี่ยว
20ศัตรูข้าศึก, อริ, ปรปักษ์, ไพรี, ศัตรู, เวรี
21นักบวช/ฤๅษีดาบส, มุนี, นักพรต, โยคี
22ยักษ์อสูร, ราพณ์, รากษส, อสุรา, กุมภัณฑ์
23เทวดาเทพ, เทวา, อมร, สุระ, นิรชรา
24พระอินทร์อมรินทร์, สหัสนัยน์, โกสีย์, วชิรปาณี, สักกะ
25คน/มนุษย์นร, ชน, มานพ, มานุษ

หมวดสัตว์

no.ความหมายหลักคำไวพจน์ (Synonyms)
26ช้างกุญชร, คช, หัตถี, ไอยรา, สาร, คชา, หัสดี, วารณ
27ม้าอัศว, อาชา, สินธพ, พาชี, มโนมัย, หัย
28สิงโตราชสีห์, ไกรสร, สีหะ, นฤเคนทร์
29นกปักษา, สกุณา, วิหค, ทวิช, ปักษิณ
30ปลามัจฉา, มัตสยา, มีน, ชลจร, วารีชาติ
31งูสรพิษ, อุรค, ภุชงค์, อสรพิษ, นาคา
32เสือพยัคฆ์, พยัคฆา, ขาล, ศารทูล

หมวดสิ่งของและสถานที่

no.ความหมายหลักคำไวพจน์ (Synonyms)
33เมืองบุรี, บุรินทร์, นคร, ธานี, กรุง, นคเรศ, ราชธานี, พารา
34บ้าน/ที่อยู่เรือน, เคหะ, อาคาร, นิวาส, อาวาส, ตำหนัก
35ทองคำสุวรรณ, กนก, เหม, มาศ, อุไร, จารุ
36เงินรัชตะ, หิรัญ, ปรัก
37เพชรพัชร, วชิระ, วิเชียร
38แก้วมณี, รัตนะ, มุกดา
39อาวุธศัสตรา, วุธ, อาวุธ, ศัสตราวุธ
40เรือนาวา, สำเภา, โพยมยาน, ตรณี

หมวดนามธรรมและลักษณะ

no.ความหมายหลักคำไวพจน์ (Synonyms)
41สวยงามวิไล, โสภา, อำไพ, ประไพ, ไฉไล, พะงา, ลาวณย์, จารุ, บรรเจิด, วิจิตร
42ตายมรณา, อาสัญ, วายปราณ, สิ้นชีพ, บรรลัย, ตักษัย, มรณ์, วายชนม์, ดับจิต, สิ้นลม
43พูดกล่าว, วจี, พจนา, เจรจา, บอก, แถลง, เปรย, ปราศรัย
44ใจหทัย, กมล, ดวงแด, ฤทัย, มโน, ดวงใจ
45ปัญญาชีวัน, ญาณ, ปรีชา, ภูมิ
46ความรักสิเนหา, เสน่หา, ความรัก, อาลัย, อาวรณ์, เยื่อใย, สมร
47ความสุขเกษม, ศานติ์, สุข, สำราญ, ปรีดิ์, โสมนัส
48สีขาวเศวต, ธวัล, ศุภร
49สีดำกาฬ, กฤษณะ, นิล
50ใหญ่มหันต์, มหา, พิศาล, ไพศาล, วิศาล

การรู้จักและเลือกใช้คำไวพจน์ได้อย่างเหมาะสม ไม่เพียงแต่จะทำให้บทกลอนของเราถูกต้องตามฉันทลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเติมเสน่ห์ทางภาษาที่ทำให้ผลงานของเรามีชีวิตชีวาและสละสลวยจับใจผู้อ่านอีกด้วย ขอให้นักเรียนทุกคนหมั่นฝึกฝน ท่องจำคำศัพท์ และที่สำคัญที่สุดคือ อ่านวรรณคดีและบทกวีให้มาก ๆ เพื่อซึมซับการใช้ภาษาจากกวีชั้นครู แล้วนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของตนเองต่อไปครับ

 คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ถาม: คำไวพจน์กับคำพ้องมีความหมายเหมือนกันหรือไม่?
ตอบ: คำไวพจน์เป็นส่วนหนึ่งของคำพ้อง โดย "คำพ้อง" เป็นคำใหญ่ที่หมายถึงคำที่เหมือนกันในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ซึ่งอาจจะพ้องรูป (เขียนเหมือนกัน) พ้องเสียง (ออกเสียงเหมือนกัน) หรือพ้องความหมายก็ได้ ส่วน "คำไวพจน์" จะหมายถึง "คำพ้องความ" โดยเฉพาะ คือมีความหมายเหมือนกันแต่เขียนและอ่านต่างกัน
ถาม: จำเป็นต้องใช้คำยาก ๆ หรือคำไวพจน์เสมอไปหรือไม่?
ตอบ: ไม่จำเป็นเสมอไปครับ หัวใจหลักของการแต่งกลอนคือการสื่อความหมายและอารมณ์ให้ถึงผู้อ่าน ดังตัวอย่างกลอนสอนใจของสุนทรภู่ที่ใช้คำธรรมดาแต่ลึกซึ้ง หากใช้คำง่าย ๆ แล้วสื่อความได้ดี ก็ถือเป็นกลอนที่ดีได้เช่นกัน แต่การใช้คำไวพจน์จะช่วยเพิ่มทางเลือกและทำให้กลอนมีความสละสลวยมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องการหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำหรือต้องการหาคำที่ลงสัมผัสพอดี
ถาม: จะหาคำไวพจน์เพิ่มเติมได้จากที่ไหน?
ตอบ: นักเรียนสามารถค้นหาคำไวพจน์เพิ่มเติมได้จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หรือหนังสือรวมคำไวพจน์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ การอ่านวรรณคดีและบทกวีต่าง ๆ เช่น รามเกียรติ์, พระอภัยมณี, ลิลิตพระลอ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้และซึมซับการใช้คำไวพจน์ในบริบทจริง
ถาม: ถ้าคิดคำไม่ออกเวลาแต่งกลอน ควรทำอย่างไร?
ตอบ: เป็นเรื่องปกติครับ ลองหยุดพักแล้วไปทำอย่างอื่นก่อน หรือลองเปลี่ยนอิริยาบถ การอ่านหนังสือหรือฟังเพลงอาจช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ นอกจากนี้ ลองเขียนทุกคำที่คิดออกมาก่อนโดยยังไม่ต้องกังวลเรื่องความไพเราะหรือสัมผัส แล้วค่อยกลับมาเกลาและเลือกใช้คำไวพจน์มาปรับแก้ในภายหลัง วิธีนี้จะช่วยให้เราไม่ติดขัดและสามารถร่างโครงเรื่องของกลอนไปได้ก่อนครับ
ชอบเนื้อหาชุดนี้ กดให้คะแนน 5 ดาวกับเราได้เลยจ้า
จำนวนผู้ให้คะแนน: 1   คะแนนเฉลี่ย: 5.0